Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
Swap dalam Forex adalah apa dan mengapa trader harus memberi perhatian?
ต้นทุนที่มักถูกมองข้าม
เมื่อพูดถึงต้นทุนการเทรด นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะคิดถึง Spread และค่าคอมมิชชั่น แต่มีต้นทุนแฝงอีกอย่างหนึ่งที่มักถูกมองข้างไป โดยเฉพาะกับผู้เทรดเด็กหน้า นั่นคือค่า Swap ซึ่งอาจเป็นเพียงจำนวนเล็กน้อยต่อคืนเดียว แต่เมื่อสะสมไปนานๆ ก็สามารถกัดกินกำไรได้อย่างเงียบๆ
Swap คืออะไร?
Swap (หรือเรียกในภาษาการเงินว่า “Overnight Interest” หรือ “Rollover Fee”) คือค่าธรรมเนียมสำหรับการถือสถานะข้ามคืน พูดง่ายๆ ก็คือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการที่นักเทรดถือออเดอร์นอกเหนือจากเวลาทำการของตลาด
ตัวอักษร “Swap” มาจากการแลกเปลี่ยน หรืออาจเข้าใจได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์เพื่อให้ได้ประโยชน์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย
ที่มาของค่า Swap จริงๆ คืออะไร?
ในการเทรด Forex ที่มาของ Swap นั้นซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะมันเกี่ยวข้องกับ “ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย” (Interest Rate Differential) ระหว่างสกุลเงินสองสกุล
เมื่อนักเทรดเปิดออเดอร์ Forex เช่น EUR/USD จะเกิดการยืมและให้ยืมสกุลเงินพร้อมกัน:
สกุลเงินหลักแต่ละประเทศมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตัวเอง ยูโร (EUR) อยู่ภายใต้ ECB ดอลลาร์สหรัฐ (USD) อยู่ภายใต้ FED เมื่อนักเทรดยืมสกุลเงินใดมา ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับสกุลนั้น และเมื่อถือสกุลเงินใดไว้ ก็ควรได้รับดอกเบี้ยจากสกุลนั้น
ตัวอย่างการคำนวณ: ถ้า EUR อยู่ที่ 4.0% ต่อปี และ USD อยู่ที่ 5.0% ต่อปี:
เหตุผลที่ส่วนใหญ่นักเทรดต้องจ่าย Swap
ในทางปฏิบัติ โบรกเกอร์ (Broker) คือคนกลางที่อำนวยความสะดวกในการยืมนี้ พวกเขาจะเพิ่มค่าธรรมเนียมการจัดการของตัวเอง (“ส่วนต่าง”) เข้าไปในอัตรา Swap ที่แท้จริง
ดังนั้น แม้ว่าในทางทฤษฎี Swap ควรจะเป็นบวกหรือลบขึ้นอยู่กับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย แต่จริงๆ แล้ว:
นี่คือเหตุผลว่าทำไม Swap Long และ Swap Short ถึงไม่เท่ากันเป๊ะๆ
ประเภทของ Swap
Swap บวก (Positive Swap): เมื่อดอกเบี้ยของสินทรัพย์ที่ซื้อสูงกว่าดอกเบี้ยของสิ่งที่ยืม นักเทรดจะได้รับเงินเข้าพอร์ตทุกคืนที่ถือออเดอร์
Swap ลบ (Negative Swap): เมื่อดอกเบี้ยต่างกันในทางตรงข้าม นักเทรดต้องจ่ายเงินออกจากพอร์ตทุกคืน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พบบ่อยที่สุด
3-Day Swap: ประเด็นที่นักเทรดมักพลาด
มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการคิดค่า Swap: โดยปกติจะคิดวันละ 1 ครั้ง แต่มี 1 วันในสัปดาห์ที่จะคิด 3 เท่า
ทำไม? เพราะตลาด Forex ส่วนใหญ่ปิดทำการในวันเสาร์และอาทิตย์ แต่ดอกเบี้ยในโลกการเงินเดินหน้าทั้ง 7 วัน โบรกเกอร์จึงต้องรวบยอดคิดค่า Swap ของวันเสาร์และอาทิตย์รวมเข้าไปในวันทำการ ส่วนใหญ่เป็นคืนวันพุธ
เหตุผลทางเทคนิค: ตลาด Forex มีรอบการชำระราคา (Settlement) ที่ T+2 (2 วันทำการหลังจากวันเทรด) เมื่อถือออเดอร์จากวันพุธข้ามไปวันพฤหัสบดี รอบการชำระราคาจะตกที่วันจันทร์ซึ่งข้ามเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้นจึงต้องคิดค่า Swap ของ 3 วันรวมกันในคืนวันพุธ
การหาข้อมูล Swap บนแพลตฟอร์มเทรด
สำหรับแพลตฟอร์มมาตรฐาน (MT4, MT5)
ตัวเลขจะแสดงเป็นหน่วย Points ซึ่งต้องแปลงเป็นเงินตามมูลค่าต่อ Point
สำหรับแพลตฟอร์มเทรดสมัยใหม่
ระบบ UI ใหม่มักแสดงค่า Swap เป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ต่อคืน ซึ่งสะดวกต่อการคำนวณมากกว่า
วิธีการคำนวณต้นทุน Swap
วิธีที่ 1: คำนวณจาก Points
สูตร: Swap (เงิน) = (Swap Rate in Points) × (ค่าต่อ Point)
ตัวอย่าง:
วิธีที่ 2: คำนวณจากเปอร์เซ็นต์
สูตร: Swap (เงิน) = (มูลค่ารวมของสถานะ) × (อัตรา Swap %)
ตัวอย่าง:
จุดสำคัญ: Swap คำนวณจากมูลค่าเต็มของสถานะ ไม่ใช่จากเงิน Margin ที่วางไว้ ดังนั้นเมื่อใช้ Leverage สูง ค่า Swap จึงกลายเป็นต้นทุนที่มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเงิน Margin
ความเสี่ยงจากการมีค่า Swap
การกัดกินกำไร: คุณอาจเทรดได้กำไร 30 USD แต่ถ้าถือ 3 คืนโดยมี 3-Day Swap อาจเสีย 26 USD ทำให้กำไรสุทธิเหลือแค่ 4 USD
ความเสี่ยงจาก Leverage: ในตลาดที่นิ่งๆ Negative Swap อาจกัดกินเงิน Margin อย่างช้าๆ ทีละวัน นักเทรดอาจถูกบังคับให้ปิดสถานะก่อนที่ราคาจะตามแผน
แรงกดดันจากการสะสม: ยิ่งถือออเดอร์นาน Swap ก็ยิ่งสะสมมากขึ้น หากตลาดเคลื่อนไหวช้า อาจกลายเป็นสถานการณ์ “ขาดทุนโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคา”
โอกาสจากการใช้ประโยชน์ Swap
Carry Trade Strategy
นี่คือกลยุทธ์คลาสสิกที่ใช้ประโยชน์จาก Positive Swap:
ตัวอย่าง: Buy AUD/JPY เพื่อได้ Swap บวก ทั้งนี้ความเสี่ยงอยู่ที่อัตราแลกเปลี่ยน ถ้า AUD/JPY ร่วงหนัก ขาดทุนอาจมากกว่ากำไรจาก Swap ที่สะสมมา
บัญชี Swap-Free
บัญชีประเภทนี้ (มักเรียกว่าบัญชีอิสลาม) ไม่มีการคิดค่า Swap ไม่ว่าจะถือออเดอร์นานเท่าใด
เหมาะสำหรับ:
ข้อแลกเปลี่ยน: Spread อาจกว้างกว่า หรือมีค่าธรรมเนียมการจัดการแบบคงที่
บทสรุป
Swap ไม่ได้เป็นเพียงค่าธรรมเนียมลอยๆ แต่เป็นต้นทุนที่อิงมาจากความเป็นจริงของตลาดการเงินโลก ผลกระทบต่อนักเทรดแต่ละคนขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด:
การเลือกโบรกเกอร์ที่โปร่งใสในการแสดงข้อมูล Swap และการวางแผนการเทรดอย่างมีสติ จะช่วยให้นักเทรดไม่ถูกต้นทุนแฝงนี้กัดกินกำไรโดยไม่รู้ตัว