ความท้าทายของนักลงทุนหลายคนคือการตัดสินใจว่าโครงการใดน่าลงทุน เมื่อพิจารณาเพียงผลตอบแทนที่คาดหวังอาจไม่เพียงพอที่จะประเมินความคุ้มค่า เนื่องจากต้องนำมาเปรียบเทียบกับต้นทุนของเงินทุนที่ใช้สำหรับการลงทุน ดังนั้นการเข้าใจค่า WACC หรือต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุน (Weighted Average Cost of Capital) จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจลงทุนที่ชาญฉลาด
WACC คืออะไร และเข้าใจความหมายอย่างไร
WACC ย่อมาจาก Weighted Average Cost of Capital ซึ่งแปลว่า ต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุน คือการคำนวณต้นทุนโดยรวมที่บริษัทต้องใช้เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับดำเนินการ ไม่ว่าจะมาจากการกู้ยืมหรือการลงทุนของผู้ถือหุ้น
Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
Chi phí trung bình của vốn (WACC) Giải thích đầy đủ
เพราะเหตุใดจึงต้องเข้าใจเกี่ยวกับ WACC
ความท้าทายของนักลงทุนหลายคนคือการตัดสินใจว่าโครงการใดน่าลงทุน เมื่อพิจารณาเพียงผลตอบแทนที่คาดหวังอาจไม่เพียงพอที่จะประเมินความคุ้มค่า เนื่องจากต้องนำมาเปรียบเทียบกับต้นทุนของเงินทุนที่ใช้สำหรับการลงทุน ดังนั้นการเข้าใจค่า WACC หรือต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุน (Weighted Average Cost of Capital) จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจลงทุนที่ชาญฉลาด
WACC คืออะไร และเข้าใจความหมายอย่างไร
WACC ย่อมาจาก Weighted Average Cost of Capital ซึ่งแปลว่า ต้นทุนเฉลี่ยของเงินทุน คือการคำนวณต้นทุนโดยรวมที่บริษัทต้องใช้เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับดำเนินการ ไม่ว่าจะมาจากการกู้ยืมหรือการลงทุนของผู้ถือหุ้น
ค่า WACC ช่วยให้นักลงทุนทราบว่ากิจการนั้นมีต้นทุนในการจัดหาเงินทุนเท่าใด ยิ่งค่า WACC ต่ำลง แสดงว่าบริษัทสามารถจัดหาเงินทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณดีต่อการลงทุน
โครงสร้างของ WACC : องค์ประกอบหลัก
WACC ประกอบด้วยต้นทุนของเงินทนธรรมชาติ 2 ประการ ได้แก่
ต้นทุนของเงินทุนจากการกู้ยืม (Cost of Debt)
Cost of debt หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องจ่ายในการกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยแสดงออกมาเป็นอัตราดอกเบี้ย ตัวอย่างเช่น หากบริษัทกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี นั่นคือ cost of debt ของบริษัทนั้น นอกจากนี้ ต้องพิจารณาประโยชน์ทางภาษีด้วย เนื่องจากดอกเบี้ยเงินกู้สามารถหักภาษีได้
ต้นทุนของเงินทุนจากเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น (Cost of Equity)
ส่วนประกอบนี้คือ อัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังจะได้รับจากการลงทุนในบริษัท ผู้ถือหุ้นต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่า cost of debt เพราะพวกเขารับความเสี่ยงที่มากขึ้น
วิธีการคำนวณ WACC ขั้นตอนทีละขั้น
เมื่อบริษัทจัดหาเงินทุนจากแหล่งเดียว ต้นทุนของเงินทุนก็คือต้นทุนของแหล่งนั้น แต่ถ้าเงินทุนมาจากหลายแหล่ง จำเป็นต้องคำนวณแบบถัวเฉลี่ย ด้วยสูตร
WACC = (D/V)(Rd)(1-Tc) + (E/V)(Re)
โดยที่:
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ WACC ในการตัดสินใจลงทุน
สมมติบริษัท ABC มีโครงสร้างเงินทุนดังนี้:
การคำนวณ:
เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง (15%) สูงกว่า WACC (11.38%) โครงการนี้จึงน่าสนใจและคุ้มค่าที่จะลงทุน
เกณฑ์การประเมิน: ค่า WACC เท่าไรจึงเป็นค่าที่ดี
ค่า WACC ต่ำแสดงถึงต้นทุนการจัดหาเงินทุนต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณดี อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นเช่นเดียวกัน เช่น อุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินการ ความเสี่ยงของโครงการ และนโยบายการลงทุนของบริษัท
เกณฑ์การตัดสินใจ:
โครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมที่สุด
เป้าหมายของบริษัทคือค้นหาสัดส่วนการจัดหาเงินทุนที่ดีที่สุด เพื่อให้:
ตัวเลือกการจัดหาเงินทุน:
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของการใช้ WACC
1. WACC ไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ค่า WACC คำนวณจากข้อมูลปัจจุบันและอาจไม่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ระดับหนี้ หรืออัตราผลตอบแทนในอนาคต
2. WACC ไม่ได้รวมการประเมินความเสี่ยงของการลงทุน
แม้ว่า WACC เป็นตัวชี้วัดที่มีประโยชน์ แต่ไม่ได้พิจารณาความเสี่ยงของโครงการเฉพาะ การเลือกลงทุนโดยพิจารณาเพียง WACC เท่านั้นอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม
3. การคำนวณ WACC มีความซับซ้อน
การหาค่า WACC ต้องใช้ข้อมูลปัจจุบันเกี่ยวกับโครงสร้างเงินทุน cost of debt และ cost of equity ซึ่งอาจซับซ้อนในการคำนวณ
4. ค่า WACC เป็นค่าประมาณเท่านั้น
ไม่สามารถคำนวณ WACC ได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลง เช่น อัตราดอกเบี้ยในตลาด และสภาพคล่องของความเสี่ยง
กลยุทธ์ที่ดีในการใช้ WACC ให้เกิดประสิทธิผล
1. ใช้ WACC ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น
นำ WACC มาใช้ประกอบการตัดสินใจควบคู่ไปกับ NPV (Net Present Value) และ IRR (Internal Rate of Return) เพื่อการประเมินที่ครอบคลุมมากขึ้น
2. ปรับปรุง WACC เป็นประจำ
ทำการอัปเดตการคำนวณ WACC เพื่อให้ตรงกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ระดับหนี้ และสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้สามารถติดตามความเหมาะสมของการลงทุนได้อย่างทันท่วงที
สรุป
WACC เป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญในการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน ด้วยการทำความเข้าใจ ต้นทุนของเงินทุนจากการกู้ยืม (cost of debt) และ cost of equity รวมทั้งสูตรการคำนวณ นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังในการใช้ WACC เพียงอย่างเดียว เนื่องจากมีข้อจำกัด จึงควรนำมาใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ และพิจารณาปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลต่อต้นทุนทางการเงิน ด้วยวิธีนี้ นักลงทุนจึงจะสามารถตัดสินใจลงทุนที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของตนได้