2568 Năm nay cấm bỏ vốn DCA cổ phiếu nào phù hợp cho người mới bắt đầu tiết kiệm

ทำไมคนไทยถึงกำลังจิกเงินทีละ 1,000-5,000 บาทหุ้น

เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากไม่เคยเป็นที่พอใจ นักลงทุนชาวไทยหันมามองหา Plan B ที่ก้อมเงินวันละน้อยแต่ปีละดี ซึ่งก็คือการซื้อหุ้นบ้าง ทำให้ ธุรกิจการออมหุ้นแบบ DCA กลายเป็นคำว่อนในหมู่พนักงานออฟฟิศ

DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost-Averaging หรือถ้าจะแปลตรงๆก็คือ “การซื้อเฉลี่ยต้นทุน” ที่ทำให้คนเงินเดือนสามารถหยอดเงินเข้าตลาดหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่กลัวจับจังหวะผิด

กลไกการซื้อเฉลี่ยต้นทุนทำงานอย่างไร

ลูกแบบง่ายคือ: เลือกหุ้น → กำหนดเงินทุนรายเดือน → ให้ระบบตัดเงินอัตโนมัติ → ปล่อยให้เวลาทำงาน

ตัวอย่างเช่น ท่านกำหนดให้ธนาคารหักเงิน 3,000 บาททุกวันที่ 15 ของเดือนเพื่อซื้อหุ้นใดๆ ที่เลือก ไม่ว่าวันนั้นหุ้นจะราคา 8 บาท หรือ 15 บาท เงินเงิน 3,000 บาทก็จะคงไป ซึ่งส่วนต่างระหว่างราคาสูงต่ำนี่แหละที่ช่วยคำนวณ “ต้นทุนเฉลี่ย” ลดลงตามระยะเวลา

ตารางพิสูจน์ว่าสะสมหุ้นทีละเดือนจริงชนะกว่า

สมมติเงิน 36,000 บาท สะสมครั้งเดียว VS สะสมทีละเดือน:

หากไปซื้อรวมเมื่อจบปีที่ราคา 15 บาท จะได้แค่ 2,400 หุ้น ต่างจาก DCA ขนาด 1,540 หุ้น! นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการสะสมจึงชนะกว่าการจับจังหวะ

ข้อดีของการนั่งออมหุ้นแบบนี้

ง่ายมาก - ไม่ต้องดูจอ 24 ชั่วโมง เพียงตั้ง auto-debit เดือนเดียว ก็หมดปัญหา

ทุนน้อยพอ - 1,000-5,000 บาทต่อเดือน ใครๆก็ทำได้ กว่าต้องหาเงิน 100,000 บาทไปซื้อหุ้นหนึ่งครั้ง

หลีกเลี่ยงการตัดสินใจผิดในช่วงตกต่ำ - ตลาดแดงมักสร้างความกลัว ทำให้มนุษย์ขายลูกหลีกเลี่ยง ระบบ DCA บังคับให้ท่านยังซื้อต่อเมื่อราคาถูก

ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยฝากระยะยาว - ดอกเบี้ยต่อปีประมาณ 1-2% ในขณะที่หุ้นมีโอกาสไป 8-15% ต่อปี (ในระยะยาว)

ข้อจำกัดที่ต้องรับรู้

แม้ดี แต่ DCA ก็ไม่ใช่วิธีชนะแน่นอน หากเลือกหุ้นราคาลดลงตลอดปี (หุ้นตายจริง) ก็ยังขาดทุนได้ ต้นทุนเฉลี่ยช่วยให้ขาดทุนน้อยลง แต่ไม่ได้ช่วยให้กำไรเมื่อเลือกผิด

หุ้นตัวไหนน่าเลือกสำหรับ DCA

ไม่ใช่หุ้นทั้งหมดเหมาะ หุ้นที่ควรเลือกต้องมีลักษณะ:

• ธุรกิจมีความแข็งแกร่ง - อยู่ได้นาน ไม่ติดเทรนด์ชั่วคราว
• กำไรต่อเนื่องและสม่ำเสมอ - สะท้อนว่าบริษัทวิ่งเข้าทาง ไม่ใช่เพลงเดียวเพลงใหญ่
• หนี้ไม่เกินควร - บริษัทที่มีหนี้สูง ความเสี่ยงชำระหนี้ก็มากตัวอย่าง
• ปันผลสม่ำเสมอ - บ่งบอกว่ากระแสเงินสดมั่นคง
• เติบโตตามเทรนด์ยุค - อสังหาริมทรัพย์ รถไฟฟ้า โรงพยาบาล คือ mega-trend

6 หุ้น DCA ตัวไหนดี สำหรับมือใหม่

1. PTT - ยักษ์ใหญ่พลังงาน

บริษัทพลังงานแห่งชาติ กระแสเงินสดสม่ำเสมอ จ่ายปันผลปีละเกือบ 2-3 ครั้ง สำหรับผู้ที่ต้องการรับเงินเพิ่มเติม

2. CPALL - คิง ออฟ ธรรมชาติ

เซเวนอีเลฟเว่น เกือบ 13,000 สาขาไทย กำไรต่อเนื่อง ปันผลสม่ำเสมอ ธุรกิจสุดทนต่อวิกฤต

3. SCC - 100 ปี ของปูนซีเมนต์ไทย

ธุรกิจหลายสายกำหนด (ซีเมนต์ เคมิคอล แพคเกจจิ้ง) ความมั่นคงนึกถึง ปรับตัวเทคโนโลยีได้ดี

4. INTUCH - ป้อมปราการโทรศัพท์

ถือหุ้นใหญ่ใน AIS กระแสเงินสดต่อเนื่องจากสมาชิก ปันผลโฟกัส บริษัทจะไม่เสียไป

5. BBL - ธนาคารใหญ่ สร้างความมั่นใจ

ธนาคารกรุงเทพ ลูกค้าหลากหลาย ระบบการเงินมั่นคง นักลงทุนระยะยาวนิยม

6. CPN - ศูนย์การค้าหนึ่งไทย

เซ็นทรัลพัฒนา กว่า 30 ศูนย์การค้า รายได้ค่าเช่าต่อเนื่อง ขยายหนังสือพิมพ์ต่างประเทศได้

ธนาคารและโบรกเกอร์เปิดบริการ DCA ใครบ้าง

ส่วนใหญ่ต้องการเงินขั้นต่ำ 1,000-5,000 บาทต่อเดือน และค่าธรรมเนียมอยู่ 0.075-0.30%

หากต้องการเร่งเวลากำไร: เทรดหุ้นด้วย CFD

ใครที่ปรารถนาแปลงความสะสมเป็นกำไรเร็วๆ อาจใช้เครื่องมือ CFD (Contract for Difference) ซึ่งเป็นสัญญาส่วนต่างราคา สามารถทำกำไรจากราคาขึ้นหรือขึ้นได้ด้วยทุนต่ำ เช่น

• เปิด Long ถ้าคาดหวังราคาปรับตัวขึ้น
• เปิด Short ถ้าคาดหวังราคาปรับตัวลง
• เลเวอเรจ 20:1 หมายถึง ทุน $68 ก็เทรดเป็น $1,366
• เทรดได้ 24/5 ตรงกับเวลาตลาดโลก

เทียบเคียง:

• ลงทุน $136 ในหุ้นจริง ที่ราคา $136.63 ได้ 1 หุ้น → กำไร $3.37 (2%)
• เทรด CFD ด้วยเลเวอเรจ ด้วยทุน $68 บน 10 Lot → กำไร $33.70 (50%) เมื่อราคาเปลี่ยน $3.37

ขอให้ระวังได้ว่า เลเวอเรจช่วยโตกำไร แต่โตขาดทุนได้เท่ากัน

สรุป: ใครควรเลือก DCA

นักลงทุนที่ต้องการออมหุ้นจริงเพื่อนั่งปันผลยาว ควรเลือก DCA กับธนาคาร ผู้ที่ต้องการเทรดแบบหมุนเร็วเพื่อโอกาสกำไรสูง ลอง CFD เสียก่อน แล้วแล้วแต่ผลกำไรกำลังของนักลงทุนแต่ละคน

หุ้น DCA ตัวไหนดี 2568 ไม่มีคำตอบเดียว แต่ให้ดูจากประเมินคุณภาพ PTT, CPALL, SCC, INTUCH, BBL, CPN เป็นจุดเริ่มต้นที่ปลอดภัยสำหรับมือใหม่