Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
## Depreciation ค่าเสื่อมราคา - สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้
เมื่อพูดถึงการวิเคราะห์งบการเงิน คำว่า **depreciation** หรือค่าเสื่อมราคาถือเป็นแนวคิดหลักที่ผู้ลงทุนต้องเข้าใจ นี่ไม่ใช่แค่คำศัพท์ทางบัญชี แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินคุณภาพของธุรกิจอย่างแท้จริง
### ค่าเสื่อมราคา (Depreciation) คืออะไร พูดง่ายๆ
Depreciation แปลว่า กระบวนการที่มูลค่าของสินทรัพย์ถาวร (เช่น เครื่องจักร อาคาร รถยนต์) ลดลงตามเวลา บัญชีจะบันทึกการลดลงนี้เป็นค่าใช้จ่าย เพื่อให้สะท้อนถึงการสึกหรอและการใช้งานจริงของสินทรัพย์
มีสองมุมมองในการเข้าใจ depreciation:
- **มุมมองด้านฟิสิกส์**: สินทรัพย์ถาวรเสื่อมสภาพและสูญเสียมูลค่าตามธรรมชาติ
- **มุมมองด้านบัญชี**: การจัดสรรต้นทุนเริ่มต้นของสินทรัพย์ให้กระจายไปในช่วงเวลาที่ใช้งาน
ตัวอย่าง: บริษัทซื้อคอมพิวเตอร์ราคา 50,000 บาท โดยคาดว่าจะใช้งาน 5 ปี ค่าเสื่อมราคาจะกระจายประมาณ 10,000 บาทต่อปี
### ทำไมค่าเสื่อมราคาถึงสำคัญต่อนักลงทุน?
ค่าเสื่อมราคาส่งผลต่อกำไรสุทธิและ EBIT อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อคุณมองเห็นงบการเงิน ค่านี้จะถูกหักออกจากรายได้ ซึ่งทำให้กำไรสุทธิลดลง
**สิ่งสำคัญ**: EBIT (กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี) ไม่ได้รวมดอกเบี้ยและค่าภาษี แต่ **รวม** ค่าเสื่อมราคา ส่วน EBITDA จะเพิ่มค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายกลับเข้าไปใหม่
เหตุผลที่นักลงทุนต้องสนใจ:
- ธุรกิจที่มีสินทรัพย์ถาวรมาก (เช่น โรงแรม โรงกลั่นน้ำมัน) จะมีค่าเสื่อมราคาสูง ส่งผลให้กำไรสุทธิต่ำ
- ความเข้าใจ EBIT และ EBITDA ช่วยให้เปรียบเทียบบริษัทในอุตสาหกรรมต่างกันได้อย่างยุติธรรม
### สินทรัพย์ใดสามารถคิดค่าเสื่อมราคาได้?
**สินทรัพย์ที่สามารถคิด depreciation ได้:**
- ยานพาหนะ อาคาร โครงสร้างพื้นฐาน
- เครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม
- อุปกรณ์สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ คอมพิวเตอร์
- สินทรัพย์ไม่มีตัวตน (สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ซอฟต์แวร์)
**สินทรัพย์ที่ไม่สามารถคิด depreciation ได้:**
- ที่ดิน (ถือว่ามีอายุไม่จำกัด)
- สินทรัพย์สะสม (ศิลปะ เหรียญ)
- การลงทุน (หุ้น พันธบัตร)
- ทรัพย์สินส่วนบุคคล
### วิธีการคำนวณค่าเสื่อมราคา 4 วิธีหลัก
#### 1. วิธีเส้นตรง (Straight-line Method)
เป็นวิธีที่ง่ายและนิยมใช้มากที่สุด โดยหารต้นทุนสินทรัพย์เท่าๆ กันตามจำนวนปีอายุการใช้งาน
**สูตร**: (ต้นทุนเริ่มต้น - มูลค่าซาก) ÷ อายุการใช้งาน
**ข้อดี**: ง่าย เข้าใจได้ ลดความผิดพลาด ใช้ได้กับธุรกิจทั่วไป
**ข้อเสีย**: ไม่สะท้อนการสูญเสียมูลค่าที่เร็วในปีแรก ไม่คำนึงถึงค่าบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นตามอายุ
#### 2. วิธีลดลงสองเท่า (Double-declining Balance)
วิธีเร่งคณ์ที่ให้ค่าเสื่อมราคาสูงในปีแรกและลดลงเรื่อยๆ
**ข้อดี**: ช่วยชดเชยต้นทุนบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นในปีหลัง สูงสุดการลดหย่อนภาษีในปีแรก
**ข้อเสีย**: ซับซ้อนกว่า ไม่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
#### 3. วิธีลดลง (Declining Balance Method)
เป็นวิธีเร่งคณ์ที่ปานกลาง โดยมูลค่าสินทรัพย์ถูกคิดค่าเสื่อมราคาเป็นสองเท่าของวิธีเส้นตรง
ข้อดี: สมดุลระหว่างความง่ายและความแม่นยำ
#### 4. วิธีหน่วยการผลิต (Units of Production)
คิดค่าเสื่อมราคาตามจำนวนหน่วยที่ผลิตหรือชั่วโมงการใช้งาน
**ตัวอย่าง**: เครื่องจักรในโรงงาน คาดว่าจะผลิตได้ 1 ล้านหน่วยในอายุการใช้งาน หากปีนี้ผลิตได้ 100,000 หน่วย ค่าเสื่อมราคา = 10% ของต้นทุน
**ข้อดี**: แม่นยำสำหรับสินทรัพย์ที่ใช้งานไม่สม่ำเสมอ
**ข้อเสีย**: ยากต่อการติดตามในชีวิตจริง
### ค่าตัดจำหน่าย (Amortization) คืออะไร?
ค่าตัดจำหน่ายคล้ายกับ depreciation แต่ใช้กับ:
- **สินทรัพย์ไม่มีตัวตน**: ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ชื่อเสียงของบริษัท
- **เงินกู้และหนี้**: การชำระเงินกู้เป็นงวด โดยแต่ละงวดประกอบด้วยดอกเบี้ยและเงินต้น
**ตัวอย่าง**: บริษัทได้สิทธิบัตรมูลค่า 10,000 บาท ซึ่งใช้ได้ 10 ปี ค่าตัดจำหน่าย = 1,000 บาทต่อปี
### ความแตกต่างหลักระหว่าง Depreciation และ Amortization
| เกณฑ์ | Depreciation | Amortization |
|------|--------------|--------------|
| **สินทรัพย์** | มีตัวตน (อาคาร เครื่องจักร) | ไม่มีตัวตน (ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร) |
| **วิธีการคำนวณ** | เส้นตรง หรือวิธีเร่ง | เส้นตรงเท่านั้น |
| **มูลค่าซาก** | คำนึงถึง | ไม่คำนึงถึง |
### ผลกระทบต่อการวิเคราะห์ทางการเงิน
เมื่อวิเคราะห์ EBIT และ EBITDA จำไว้ว่า:
**EBIT** = รายได้สุทธิ + ดอกเบี้ย + ภาษี (ค่าเสื่อมราคารวมอยู่แล้ว)
**EBITDA** = EBIT + ค่าเสื่อมราคา + ค่าตัดจำหน่าย
ธุรกิจที่มีทรัพย์สินหนัก (ซ้ำสินทรัพย์ถาวรมาก) มักมี depreciation สูง ส่งผลให้ EBIT ต่ำ แต่ EBITDA อาจดูดีกว่า บทบาทหลัก EBITDA คือให้ภาพที่ชัดเจนของความสามารถในการสร้างรายได้ก่อนการพิจารณาโครงสร้างทุน (ดอกเบี้ย ภาษี) และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
### การประยุกต์ใช้ในการลงทุน
นักลงทุนที่ชาญฉลาดจะ:
1. ตรวจสอบ depreciation policy ของบริษัท เพราะสามารถส่งผลต่อกำไรรายงาน
2. เปรียบเทียบ EBITDA ของบริษัทที่มีโครงสร้างสินทรัพย์ต่างกัน
3. ปรับเทียบกำไรเพื่อให้เห็นสถานการณ์ที่เป็นจริงมากขึ้น
ความเข้าใจ depreciation แปลว่า การเข้าใจคำสำคัญในการอ่านงบการเงิน ช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น